ข้อมูลองค์ความรู้-
• รายละเอียดขององค์ความรู้
ถึงเวลาแล้วที่โลก…เริ่มเดินหน้าตรวจสอบเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง AI ที่กำลังฉลาดขึ้นทุกวัน

ทุกวันนี้เราต่างคุ้นเคยกับเทคโนโลยี AI กันเป็นอย่างดี จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว และเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับเราขนาดนี้จึงอดไม่ได้ที่จะทำให้เกิดการตั้งคำถามจากคนในสังคม โดยเฉพาะเรื่อง จริยธรรม มาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ส่งผลให้ในปัจจุบันกลายเป็นข้อถกเถียงใหญ่ในหลายประเทศ ถึงขั้นกลายเป็นซีรีส์หรือภาพยนตร์กันเลยทีเดียว

จากเดิมที่มีกฎหมาย General Data Protection Regulation (GDPR) เพื่อควบคุมดูแลในด้านข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว สหภาพยุโรป (EU) จึงเดินหน้าอีกขั้นด้วยการร่างกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้ AI ขึ้นมาในชื่อว่า “Artificial Intelligence Act (AIA)” เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา เป็นกฎหมายแรกของโลกที่ใช้กำกับดูแลขอบเขตการใช้งาน AI ในบริษัทต่างๆ เมื่อผ่านการพิจารณาอนุมัติจะมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในประเทศสมาชิกทันที แต่การขยับก้าวนี้ของสหภาพยุโรปไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ในภาคพื้นที่ทวีปเดียวเท่านั้น ยังส่งผลกับนักพัฒนาทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพราะไม่ว่าบริการหรือเทคโนโลยีนั้นจะมาจากที่ใดบนโลกก็ต้องถูกตรวจสอบเมื่อถูกนำมาใช้งานในยุโรป ซึ่งร่างกฎหมายนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนและตัวช่วยกำหนดทิศทางเทคโนโลยี AI ในอนาคตได้

ร่างกฎหมาย “Artificial Intelligence Act (AIA)” มีหลักเกณฑ์สำคัญอยู่ 5 ข้อด้วยกัน จากแนวคิดที่ว่าสร้าง AI ที่เชื่อถือได้และเคารพหลักสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ใช้งานพึงได้รับ โดยแบ่งรายละเอียดดังต่อไปนี้

• การกำหนดหลักเกณฑ์ในการจำหน่ายหรือการให้บริการระบบ AI ในสหภาพยุโรป
• การกำหนดหลักเกณฑ์ในการสร้างความโปร่งใสของระบบ AI ที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ • การกำหนดข้อห้ามไม่ให้ใช้ AI ในการสอดส่อง หรือการเฝ้าระวังบุคคลโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพในพื้นที่สาธารณะ
• การจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดทิศทางและสร้างความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมาย
• การกำหนดบทลงโทษทางปกครอง

ไม่เพียงแค่กำหนดหลักเกณฑ์เท่านั้น ร่างกฎหมายนี้ยังได้จำแนกความเสี่ยงของเทคโนโลยี AI ไว้ใน 4 ระดับด้วยกัน

1.ระดับที่ 1 ยอมรับไม่ได้ (Unacceptable Risk)

เทคโนโลยี AI ที่ขัดต่อค่านิยมของสภาพยุโรป ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานแบบร้ายแรง เช่น การใช้เทคโนโลยีสแกนใบหน้า (Facial Recognition) เพื่อสร้าง Social Credit แบบในประเทศจีน หรือเทคโนโลยีที่แสวงหาผลประโยชน์จากเด็กและผู้พิการ EU ก็จัดหมวดหมู่ให้อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงในระดับนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ไม่สามารถใช้ได้ในยุโรปอย่างเด็ดขาด

2.ระดับที่ 2 ความเสี่ยงสูง (High Risk)

เทคโนโลยี AI ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย การระบุตัวตนทางชีวภาพ การบริการสาธารณะ รวมถึงด้านการศึกษาและจัดสรรหาบุคลากร โดยเทคโนโลยีในกลุ่มนี้จะต้องถูกตรวจสอบทั้งวัตถุประสงค์ กระบวนการพัฒนา อัลกอริทึมที่ใช้ในการประมวลผล ไปจนถึงข้อมูลของผู้ใช้ที่ส่งมอบให้ผู้บริการ เรียกได้ว่าถูกกำกับดูแลในทุกกระบวนการ

3.ระดับที่ 3 ความเสี่ยงจำกัด (Limited Risk)

เทคโนโลยี AI ที่มีความเสี่ยงในการถูกแก้ไขดัดแปลงได้ เช่น Chatbot หรือเทคโนโลยี Deep Fake หากถูกใช้งานในยุโรปจะต้องมีการบอกบริบทการใช้งานให้เห็นได้ชัด ไม่สร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค เช่น แจ้งว่าตอนนี้คุณกำลังคุยกับ Chatbot อยู่ โดยเทคโนโลยีในระดับนี้มีข้อยกเว้นด้านการบังคับใช้กฎหมาย สามารถใช้งานได้อย่างอิสระภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้

4.ระดับที่ 4 ความเสี่ยงต่ำ (Minimal Risk)

เทคโนโลยี AI ในแบบอื่นๆ ที่ไม่อยู่ใน 3 ระดับที่กล่าวมา สามารถพัฒนาและใช้งานได้ตามปกติ เพียงแค่ผู้พัฒนาหรือผู้ประกอบการมีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ ตระหนักถึงผู้ใช้งานและผลกระทบต่อสังคม

สำหรับร่างกฎหมายนี้ถ้านักพัฒนาหรือผู้ประกอบการทำผิดเงื่อนไขจะมีบทลงโทษสูงสุดถึง 30 ล้านยูโรหรือต้องถูกปรับ 6% จากรายได้ทั้งหมดเลยทีเดียว และในอนาคตสหภาพยุโรปจะมีแผนการจัดตั้ง European Artificial Intelligence Board เพื่อทำหน้าที่กำหนดทิศทางและสร้างความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ต่อไป ซึ่งเป็นการวางแผนอนาคตที่สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทั่วโลกอย่างแน่นอน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเกิดขึ้นของร่างกฎหมายนี้มุ่งเน้นการสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้บริโภคเป็นหลัก ทั้งคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้นและเพิ่มความโปร่งใสในการพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกปลอดภัยเมื่อได้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ แต่ในทางตรงกันข้ามก็อาจทำให้เกิดข้อจำกัดมากขึ้น ส่งผลให้พัฒนานวัตกรรมได้ล่าช้ากว่าเดิมและสามารถเกิดข้อพิพาทได้ง่าย เนื่องจากการประเมินความเสี่ยงทั้ง 4 ระดับยังมีข้อคลุมเครือ รวมถึงอาจมีประเด็นใหม่ๆ ในอนาคตที่ไม่สอดคล้องกับทั้ง 4 ระดับ ร่างกฎหมายนี้จึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาและสร้างข้อถกเถียงในสังคมต่อไป

และไม่ใช่แค่สภาพภาพยุโรปที่เดินหน้าควบคุม AI สภาประชาชนแห่งมหานครเซินเจิ้น ประเทศจีนก็ได้เตรียมออกร่างกฎหมายในลักษณะนี้เช่นกัน แต่เป็นการควบคุมในระดับท้องถิ่นในเมืองที่เรียกได้ว่าเป็นซิลิคอนวัลเลย์แห่งโลกตะวันออก โดยข้อกำหนด หลักเกณฑ์ต่างๆ จะเป็นอย่างไรก็ต้องคอยติดตามในอนาคต

แม้ตอนนี้ในประเทศไทยจะยังไม่มีกฎหมายในลักษณะนี้โดยตรง แต่เราก็อยากชักชวนให้นักพัฒนา ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคทุกคนได้เข้าใจการเคลื่อนไหวในมิติด้านกฎหมายนี้ไว้ เพราะมันจะสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมได้ในหลายมิติ สุดท้ายถ้าคุณอยากทำความรู้จักเทคโนโลยีด้าน AI ให้มากขึ้น รวมถึงนวัตกรรมด้าน Deep Tech ในรูปแบบอื่นๆ งาน Virtual Event “SITE 2021 : DEEPTECH RISING” เป็นอีกงานหนึ่งที่จะมาเปิดโลกนวัตกรรมให้กว้างขึ้น ก้าวทันเทคโนโลยี และสร้างความเข้าใจในการใช้นวัตกรรมในมิติต่างๆ

คลิกเข้าชมแบบย้อนหลังได้ที่นี่ > https://site.nia.or.th/

ข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://t-reg.co/blog/t-reg-knowledge/what-is-pdpa/https://eur-lex.europa.eu/legal-content/
• วันที่เผยแพร่ผลงาน :
08 ตุลาคม 2564
• Keyword :
AI, เทคโนโลยี
รายละเอียดเจ้าของข้อมูล+
ความยุติธรรมในโลกดิจิทัล เมื่อ AI กำลังจะถูกกฎหมายควบคุม

• ชื่อเจ้าของข้อมูล : สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

• หมวดหมู่นวัตกรรม :
อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ


วันที่เผยแพร่: 08 ตุลาคม 2564
|
ผู้เยี่ยมชม: 419
องค์ความรู้ด้านนวัตกรรมที่น่าสนใจ

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข

าแพทย์อายุรก

csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข

าแพทย์อายุรก

csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข

าแพทย์อายุรก

csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข

าแพทย์อายุรก

csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข

าแพทย์อายุรก

csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข

าแพทย์อายุรก

csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข

าแพทย์อายุรก

csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข

าแพทย์อายุรก

csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข

าแพทย์อายุรก

csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf