นับแต่เอไอถือกำเนิดขึ้นและพัฒนาอย่างก้าวหน้า จนกลายเป็นเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดเทรนด์โลก ด้วยความอัจฉริยะที่สร้างความได้เปรียบในด้านต่างๆ ได้นั้น ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต่างหยิบฉวยมาใช้ในการวางแผนเพื่อพัฒนาชาติตนเองในทุกมิติ

สำหรับประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน รัฐบาลมีมติเห็นชอบให้ขับเคลื่อน AI Thailand ซึ่งเป็นโครงการปัญญาประดิษฐ์ระดับประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านเอไอในการพัฒนาชาติอย่างครอบคลุม ภายใต้แผนปฏิบัติการผ่าน 5 ยุทธศาสตร์ ในกรอบเวลา 6 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565-2570

โดยยุทธศาสตร์ทั้ง 5 นี้ แบ่งเป็น 15 แผนงาน ที่จะถอดรหัสกันว่า ประกอบด้วยอะไรบ้าง

ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การเตรียมความพร้อมในด้านสังคม จริยธรรม กฎหมาย และกฎระเบียบ สำหรับการประยุกต์ใช้เอไอ ซึ่งมีเป้าหมายสร้างการตระหนักรู้ทางด้านเอไอให้กับประชาชนไม่ต่ำกว่า 600,000 คน และมีกฎหมาย กฎระเบียบ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับเอไอ ถูกประกาศใช้ไม่น้อยกว่า 1 ฉบับ

โดยมี 2 แผนงานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาข้อกำหนด กฎหมาย มาตรฐาน และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเอไอของประเทศ กับการสื่อสารพร้อมสร้างการรับรู้ด้านจริยธรรมเอไอ

ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสนับสนุนด้านเอไอเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมีเป้าหมายยกระดับดัชนีความพร้อมด้านเอไอของรัฐบาลให้สูงขึ้นไม่ต่ำกว่าลำดับที่ 50 ของโลก และเกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลสำหรับสนับสนุนงานด้านเอไอในภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี

โดยมี 4 แผนงานที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างเครือข่ายเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การพัฒนาศูนย์เชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การพัฒนาแพลตฟอร์มกลางระดับประเทศเชิงบูรณาการ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลและคำนวณขั้นสูง



ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การเพิ่มศักยภาพบุคลากรและการพัฒนาการศึกษาด้านเอไอ ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มบุคลากรด้านเอไอไม่ต่ำกว่า 30,000 คน

โดยมี 3 แผนงานที่สำคัญ ได้แก่ แผนพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ทุกระดับการเรียนรู้ แผนสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาบุคลากรภาคธุรกิจ และแผนพัฒนากลไกความร่วมมือกับนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ

ยุทธศาสตร์ที่ 4 : การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งมีเป้าหมายสร้างความเข้มแข็งทางเทคโนโลยีเอไอเพิ่มขึ้น โดยเกิดต้นแบบจากผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านเอไอไม่ต่ำกว่า 100 ต้นแบบ อีกทั้งผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านเอไอจะถูกนำไปใช้อย่างทั่วถึง และช่วยสร้างผลกระทบในภาคธุรกิจและภาคสังคมได้ไม่ต่ำกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท ภายในปี พ.ศ. 2570

โดยมี 2 แผนงานที่สำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมแก่กลุ่มสาขาเป้าหมาย กับการพัฒนาเทคโนโลยีฐานและการวิจัยเพื่อสนับสนุนแพลตฟอร์มด้านเอไอ

ยุทธศาสตร์ที่ 5 : การส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและระบบเอไอในภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มจำนวนหน่วยงานที่มีการใช้นวัตกรรมเอไอทั้งในภาครัฐ ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการใหม่ 10% ต่อปี หรือไม่ต่ำกว่า 600 ราย ภายในปี พ.ศ. 2570 พร้อมทั้งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเอไอเพิ่มขึ้น ด้วยมูลค่าไม่น้อยกว่า 6 หมื่นล้านบาท ภายในปี พ.ศ. 2570

โดยมี 4 แผนงานสำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมการใช้เอไอในภาครัฐ การส่งเสริมการใช้เอไอในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย การส่งเสริมอุตสาหกรรมเชื่อมโยงเอไอสู่การใช้งาน และการพัฒนากลไกลและแซนด์บ็อกซ์ เพื่อนวัตกรรมทางธุรกิจและเอไอสตาร์ทอัพ



ในส่วนของการส่งเสริมเอไอในกลุ่มสาขาเป้าหมาย จะมีกลุ่มสาขาเกษตรและอาหาร การแพทย์และสุขภาวะ การศึกษา ความมั่นคงและปลอดภัย พลังงานและสิ่งแวดล้อม การใช้งานและบริการภาครัฐ โลจิสติกส์และการขนส่ง ท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การผลิต และการเงินและการค้า

จาก 5 ยุทธศาสตร์ ตามแผนปฏิบัติการ AI Thailand จึงเห็นได้ว่า มีการขับเคลื่อนเอไอเพื่อพัฒนาชาติในทุกมิติ โดยคาดว่าเมื่อสิ้นสุดการดำเนินการจะช่วยให้เกิดการจ้างงานบุคลากรที่มีทักษะเอไอเพิ่มขึ้น ภาคธุรกิจเติบโตจากเอไอมากขึ้น GDP ของประเทศสูงขึ้น คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้นและสามารถใช้เอไอได้ในวงกว้าง ในขณะเดียวกันประเทศก็ก้าวหน้าด้านเอไอทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ด้วย



อ้างอิง :

AI Thailand
www.okmd.or.th/TheKnowledgevol.36

27 พฤษภาคม 2568

เอไอ, พัฒนาชาติ, แผนปฏิบัติการ, ความอัจฉริยะ, ยุทธศาสตร์

อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา

อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา

31 กรกฎาคม 2568