ข้อมูลองค์ความรู้-
• รายละเอียดขององค์ความรู้
โจทย์ใหม่ ท้าทายกว่าเดิม! เมื่อ NIA ตั้งเป้าหมายจะสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม 10,000 ราย ให้มีธุรกิจอยู่ใน Growth Stage หรือทำเงินได้จริงจำนวน 1,000 ราย ผ่านกลไกการเงินรูปแบบใหม่เพื่อร่วมกันสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2570
จากเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้ NIA ได้อัปเกรดกลไกการเงินสนับสนุนให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เน้นทุนสนับสนุนให้เกิด Prototype หรือ R&D ก็ได้ขยายผลไปยังทุนสำหรับธุรกิจในช่วงเข้าสู่ตลาด ซึ่งมีขั้นตอนในการทำงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งด้านการวางแผนกลยุทธ์ การทดสอบคุณภาพ หรือการหาที่ปรึกษาทางธุรกิจ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้จากนวัตกรรมที่มีศักยภาพ
ครั้งนี้จะพาไปดู 7 กลไกที่อยู่ภายใต้ Mandatory Innovation Business Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจตามอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อเร่งการเติบโตของนวัตกรรมที่ถือเป็น Game Changer ในการนำพาประเทศไทยเติบโตเป็นประเทศแห่งนวัตกรรม ซึ่งจะมีกลไกในรูปแบบอย่างไรบ้าง ไปดูกัน!
เริ่มจากกลไกทุนโครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า (Thematic Innovation) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของประเทศ ยิ่งในปัจจุบันทั่วโลกต่างมุ่งหน้าไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 จึงต้องส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือจากทุกหน่วยงานโดยเฉพาะในด้านเงินทุน
สำหรับ Thematic Innovation จะเป็นกลไกเพื่อใช้ในปรับปรุงและผลิตภัณฑ์หรือบริการต้นแบบระดับอุตสาหกรรมให้สามารถออกสู่เชิงพาณิชย์ ทดสอบกับกลุ่มลูกค้าจริง ทดสอบและปรับปรุงกระบวนการผลิตระดับอุตสาหกรรม นำไปสู่การสร้างรายได้จริงเมื่อสิ้นสุดโครงการ จึงเหมาะสำหรับวิสาหกิจฐานนวัตกรรมที่มีผลงานนวัตกรรมหรือมีผลิตภัณฑ์หรือบริการต้นแบบอยู่แล้วต้องการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการบางส่วน หรือทดสอบมาตรฐานตามข้อกำหนดต่างๆ หรือต้องการทดสอบตลาดก่อนการออกสู่เชิงพาณิชย์ โดยจะเป็นทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก, นวัตกรรมด้านพืชและสัตว์เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ, พลังงานสะอาด, ธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีด้าน AI, Robotic, Immersive & IoT (ARI Tech) และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
บนเส้นทางสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการ ยังมีขั้นตอนอีกหลากหลายนอกเหนือจากการพัฒนานวัตกรรม โดยเฉพาะด้านการวางแผนกลยุทธ์ หรือการนำผลงานเข้าสู่ระบบสิทธิบัตร ผู้ประกอบการจึงต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา
กลไกการสนับสนุนที่ปรึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรม (MIND) จึงกลับมาอีกครั้งสำหรับสนับสนุนการจ้างที่ปรึกษา เพื่อช่วยในการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กรการวางแผนตลาด ทรัพย์สินทางปัญญา การบัญชี การเงินและการลงทุน รวมไปถึงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดสากล เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน เป็นทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก, นวัตกรรมด้านพืชและสัตว์เศรษฐกิจ, และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
การ Scale Up ส่งออกนวัตกรรม ผู้ประกอบการต้องพิจารณาไปถึงมาตรฐานที่มีการกำหนดในแต่ละประเทศ ซึ่งมีขั้นตอนในการขอใบรับรองหรือประเมินมาตรฐานหลายอย่าง เช่น ใบรับรองทางด้านความปลอดภัยและมาตรฐานของสินค้า, ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าจากกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการบางส่วนก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำเนินงาน
จึงเป็นที่มาของกลไกการสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจนวัตกรรม (Standard Testing) เพื่อจ้างที่ปรึกษาในการให้คำแนะนำและปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานต่างๆ ภายในองค์กร ให้พร้อมสำหรับการวิเคราะห์ทดสอบ เพื่อขอขึ้นทะเบียนและประเมินขอรับรองมาตรฐานที่สำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจ ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงมาตรฐานที่แต่ละประเทศต้องการ โดยเป็นทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมทั้งหมด 2 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
การที่สินค้านวัตกรรมจะสร้างผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องได้ ต้องมีกลยุทธ์ในการขยายตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ
เพื่อเตรียมรองรับการทดสอบใช้งานผลงานนวัตกรรมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ จึงต้องมีกลไกการขยายธุรกิจนวัตกรรม (Market Expansion) เพื่อประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับผลงานที่ทดสอบการใช้งานทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 100 กับกลุ่มลูกค้าภาครัฐ และสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 50 กับกลุ่มลูกค้าภาคเอกชน คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมในสาขาธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีด้าน AI, Robotic, Immersive & IoT (ARI Tech) ซึ่งมี 4 สาขาย่อยที่เปิดรับ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจดิจิทัลด้านการแพทย์และสุขภาพ ธุรกิจดิจิทัลด้านอีคอมเมิร์ซและค้าปลีก ธุรกิจดิจิทัลด้านการศึกษา ธุรกิจดิจิทัลด้านเกษตรและอาหาร
แน่นอนว่าการทำธุรกิจแต่ละครั้งต้องมีการกู้ยืมเงิน ซึ่งพ่วงมาด้วยดอกเบี้ยที่อาจส่งผลให้การเงินภายในองค์กรขาดสภาพคล่อง
จึงต้องมีกลไกสนับสนุนดอกเบี้ยบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง (Matching Interest for Working Capital) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจฐานนวัตกรรม บริหารสภาพคล่องทางการเงินภายในองค์กร โดยการลดดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการลดลง ซึ่งจะสนับสนุนทั้งดอกเบี้ยสินเชื่อทุกประเภท ค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก บสย. และดอกเบี้ยที่เกิดจากการระดมทุนคราวด์ฟันดิ้ง ในกลไกนี้จะเป็นทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาธุรกิจนวัตกรรมที่สนับสนุนนวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก, เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ, พลังงานสะอาด และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง จึงต้องมีกลไก Corporate Co-funding มาช่วยปิดช่องโหว่
กลไกการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มีโอกาสเติบโตและขยายตลาดโดยการร่วมมือจากแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน (Corporate Co-funding) สำหรับธุรกิจนวัตกรรมที่ต่อยอดจากผลงานวิจัย หรือธุรกิจที่ต้องการสร้างโอกาสเติบโตจากแหล่งเงินทุนที่ร่วมกันของภาครัฐและ VC, CVC, PE Trust ในการพัฒนาการดำเนินการต่างๆ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเพิ่มกำลังการผลิต การขยายทีม พร้อมกับการประเมินมูลค่าธุรกิจและผลการดำเนินธุรกิจผ่านรายงานทางบัญชี เป็นกลไกที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนและในขณะเดียวกันก็เข้ามาลดความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องแบกรับ
ซึ่งเป็นทุนอุดหนุนสมทบกำหนดเงื่อนไขการส่งคืนเมื่อโครงการประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ (Recoverable Grant) แก่ผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระยะเริ่มต้นจนถึงระยะเติบโต (Seed to Growth Stage) คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดย NIA ร่วมกับ กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) พัฒนากลไกการเงินในรูปแบบใหม่นี้ร่วมกันในปีงบประมาณ 2567
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมใน 2 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก และธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีด้าน AI, Robotic, Immersive (ARI Tech)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาใหญ่ของการขยายธุรกิจคือเรื่องของ “เงินทุน” ดังนั้นเพื่อลดปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จึงเกิดเป็นกลไกนวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย สำหรับการขยายผลิตภัณฑ์หรือบริการสู่เชิงพาณิชย์ของธุรกิจฐานนวัตกรรมที่ต้องการลงทุนเพิ่มผ่านกลไกสินเชื่อธนาคารเพื่อการเติบโตของธุรกิจ
NIA จึงร่วมกับ สถาบันการเงินชั้นนำจำนวน 5 แห่ง ซึ่งจะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อในโครงการ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นทุนอุดหนุน (Grant) ในสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 100 ของมูลค่าดอกเบี้ย คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี
เปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมใน 4 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก, เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ, พลังงานสะอาด และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม กลไกส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ (Mandatory Innovation Grant) ได้ที่ https://mandatory.nia.or.th
อ้างอิงข้อมูลจาก :
https://www.nia.or.th/new-financial-support-grant-mechanism-2023
https://www.prachachat.net/ict/news-1419976
https://www.bangkokbiznews.com/tech/innovation/1094358
จากเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้ NIA ได้อัปเกรดกลไกการเงินสนับสนุนให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เน้นทุนสนับสนุนให้เกิด Prototype หรือ R&D ก็ได้ขยายผลไปยังทุนสำหรับธุรกิจในช่วงเข้าสู่ตลาด ซึ่งมีขั้นตอนในการทำงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งด้านการวางแผนกลยุทธ์ การทดสอบคุณภาพ หรือการหาที่ปรึกษาทางธุรกิจ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้จากนวัตกรรมที่มีศักยภาพ
ครั้งนี้จะพาไปดู 7 กลไกที่อยู่ภายใต้ Mandatory Innovation Business Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจตามอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อเร่งการเติบโตของนวัตกรรมที่ถือเป็น Game Changer ในการนำพาประเทศไทยเติบโตเป็นประเทศแห่งนวัตกรรม ซึ่งจะมีกลไกในรูปแบบอย่างไรบ้าง ไปดูกัน!
เริ่มจากกลไกทุนโครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า (Thematic Innovation) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของประเทศ ยิ่งในปัจจุบันทั่วโลกต่างมุ่งหน้าไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 จึงต้องส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือจากทุกหน่วยงานโดยเฉพาะในด้านเงินทุน
สำหรับ Thematic Innovation จะเป็นกลไกเพื่อใช้ในปรับปรุงและผลิตภัณฑ์หรือบริการต้นแบบระดับอุตสาหกรรมให้สามารถออกสู่เชิงพาณิชย์ ทดสอบกับกลุ่มลูกค้าจริง ทดสอบและปรับปรุงกระบวนการผลิตระดับอุตสาหกรรม นำไปสู่การสร้างรายได้จริงเมื่อสิ้นสุดโครงการ จึงเหมาะสำหรับวิสาหกิจฐานนวัตกรรมที่มีผลงานนวัตกรรมหรือมีผลิตภัณฑ์หรือบริการต้นแบบอยู่แล้วต้องการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการบางส่วน หรือทดสอบมาตรฐานตามข้อกำหนดต่างๆ หรือต้องการทดสอบตลาดก่อนการออกสู่เชิงพาณิชย์ โดยจะเป็นทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก, นวัตกรรมด้านพืชและสัตว์เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ, พลังงานสะอาด, ธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีด้าน AI, Robotic, Immersive & IoT (ARI Tech) และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
บนเส้นทางสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการ ยังมีขั้นตอนอีกหลากหลายนอกเหนือจากการพัฒนานวัตกรรม โดยเฉพาะด้านการวางแผนกลยุทธ์ หรือการนำผลงานเข้าสู่ระบบสิทธิบัตร ผู้ประกอบการจึงต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา
กลไกการสนับสนุนที่ปรึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรม (MIND) จึงกลับมาอีกครั้งสำหรับสนับสนุนการจ้างที่ปรึกษา เพื่อช่วยในการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กรการวางแผนตลาด ทรัพย์สินทางปัญญา การบัญชี การเงินและการลงทุน รวมไปถึงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดสากล เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน เป็นทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก, นวัตกรรมด้านพืชและสัตว์เศรษฐกิจ, และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
การ Scale Up ส่งออกนวัตกรรม ผู้ประกอบการต้องพิจารณาไปถึงมาตรฐานที่มีการกำหนดในแต่ละประเทศ ซึ่งมีขั้นตอนในการขอใบรับรองหรือประเมินมาตรฐานหลายอย่าง เช่น ใบรับรองทางด้านความปลอดภัยและมาตรฐานของสินค้า, ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าจากกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการบางส่วนก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำเนินงาน
จึงเป็นที่มาของกลไกการสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจนวัตกรรม (Standard Testing) เพื่อจ้างที่ปรึกษาในการให้คำแนะนำและปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานต่างๆ ภายในองค์กร ให้พร้อมสำหรับการวิเคราะห์ทดสอบ เพื่อขอขึ้นทะเบียนและประเมินขอรับรองมาตรฐานที่สำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจ ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงมาตรฐานที่แต่ละประเทศต้องการ โดยเป็นทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมทั้งหมด 2 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
การที่สินค้านวัตกรรมจะสร้างผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องได้ ต้องมีกลยุทธ์ในการขยายตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ
เพื่อเตรียมรองรับการทดสอบใช้งานผลงานนวัตกรรมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ จึงต้องมีกลไกการขยายธุรกิจนวัตกรรม (Market Expansion) เพื่อประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับผลงานที่ทดสอบการใช้งานทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 100 กับกลุ่มลูกค้าภาครัฐ และสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 50 กับกลุ่มลูกค้าภาคเอกชน คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมในสาขาธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีด้าน AI, Robotic, Immersive & IoT (ARI Tech) ซึ่งมี 4 สาขาย่อยที่เปิดรับ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจดิจิทัลด้านการแพทย์และสุขภาพ ธุรกิจดิจิทัลด้านอีคอมเมิร์ซและค้าปลีก ธุรกิจดิจิทัลด้านการศึกษา ธุรกิจดิจิทัลด้านเกษตรและอาหาร
แน่นอนว่าการทำธุรกิจแต่ละครั้งต้องมีการกู้ยืมเงิน ซึ่งพ่วงมาด้วยดอกเบี้ยที่อาจส่งผลให้การเงินภายในองค์กรขาดสภาพคล่อง
จึงต้องมีกลไกสนับสนุนดอกเบี้ยบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง (Matching Interest for Working Capital) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจฐานนวัตกรรม บริหารสภาพคล่องทางการเงินภายในองค์กร โดยการลดดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการลดลง ซึ่งจะสนับสนุนทั้งดอกเบี้ยสินเชื่อทุกประเภท ค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก บสย. และดอกเบี้ยที่เกิดจากการระดมทุนคราวด์ฟันดิ้ง ในกลไกนี้จะเป็นทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาธุรกิจนวัตกรรมที่สนับสนุนนวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก, เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ, พลังงานสะอาด และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง จึงต้องมีกลไก Corporate Co-funding มาช่วยปิดช่องโหว่
กลไกการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มีโอกาสเติบโตและขยายตลาดโดยการร่วมมือจากแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน (Corporate Co-funding) สำหรับธุรกิจนวัตกรรมที่ต่อยอดจากผลงานวิจัย หรือธุรกิจที่ต้องการสร้างโอกาสเติบโตจากแหล่งเงินทุนที่ร่วมกันของภาครัฐและ VC, CVC, PE Trust ในการพัฒนาการดำเนินการต่างๆ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเพิ่มกำลังการผลิต การขยายทีม พร้อมกับการประเมินมูลค่าธุรกิจและผลการดำเนินธุรกิจผ่านรายงานทางบัญชี เป็นกลไกที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนและในขณะเดียวกันก็เข้ามาลดความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องแบกรับ
ซึ่งเป็นทุนอุดหนุนสมทบกำหนดเงื่อนไขการส่งคืนเมื่อโครงการประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ (Recoverable Grant) แก่ผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระยะเริ่มต้นจนถึงระยะเติบโต (Seed to Growth Stage) คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดย NIA ร่วมกับ กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) พัฒนากลไกการเงินในรูปแบบใหม่นี้ร่วมกันในปีงบประมาณ 2567
โดยจะเปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมใน 2 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก และธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีด้าน AI, Robotic, Immersive (ARI Tech)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาใหญ่ของการขยายธุรกิจคือเรื่องของ “เงินทุน” ดังนั้นเพื่อลดปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จึงเกิดเป็นกลไกนวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย สำหรับการขยายผลิตภัณฑ์หรือบริการสู่เชิงพาณิชย์ของธุรกิจฐานนวัตกรรมที่ต้องการลงทุนเพิ่มผ่านกลไกสินเชื่อธนาคารเพื่อการเติบโตของธุรกิจ
NIA จึงร่วมกับ สถาบันการเงินชั้นนำจำนวน 5 แห่ง ซึ่งจะเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อในโครงการ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นทุนอุดหนุน (Grant) ในสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 100 ของมูลค่าดอกเบี้ย คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี
เปิดรับสำหรับธุรกิจนวัตกรรมใน 4 สาขา ได้แก่ นวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก, เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ, พลังงานสะอาด และยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม กลไกส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ (Mandatory Innovation Grant) ได้ที่ https://mandatory.nia.or.th
อ้างอิงข้อมูลจาก :
https://www.nia.or.th/new-financial-support-grant-mechanism-2023
https://www.prachachat.net/ict/news-1419976
https://www.bangkokbiznews.com/tech/innovation/1094358
• วันที่เผยแพร่ผลงาน :
16 พฤศจิกายน 2566
• Keyword :
กลไก, นวัตกรรม, Business, ธุรกิจ, NIA, ผู้ประกอบการ
ผู้ประกอบการ/โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง+
รายละเอียดเจ้าของข้อมูล+
เจาะกลไกทุนใหม่ เปิดทางนวัตกรรมไทยเข้าสู่ตลาด ภายใต้ Mandatory Innovation Business Platform

• ชื่อเจ้าของข้อมูล :
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
• หมวดหมู่นวัตกรรม :
ดิจิทัล
วันที่เผยแพร่: 16 พฤศจิกายน 2566
|
ผู้เยี่ยมชม: 72
องค์ความรู้ด้านนวัตกรรมที่น่าสนใจ

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข
าแพทย์อายุรก
csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข
าแพทย์อายุรก
csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข
าแพทย์อายุรก
csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข
าแพทย์อายุรก
csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข
าแพทย์อายุรก
csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข
าแพทย์อายุรก
csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข
าแพทย์อายุรก
csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข
าแพทย์อายุรก
csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf

แพทย์หญิง มุฑิตา อุเบกข
าแพทย์อายุรก
csdfdsfsdfsdfdsfsdfsdfsdfsdf